เรื่อง หนูบ้านนอกกับหนูในเมือง



 หนูบ้านนอกกับหนูในเมือง


       หนูบ้านนอกผู้ยากจนได้เขียนจดหมายเชิญเพื่อนที่เป็นหนูและอาศัยอยู่ที่ในเมือง ให้มาเที่ยวที่ที่อยู่ บ้านนอกของตนขึ้น…แล้วหนูผู้เพื่อนเมื่อได้รับจดหมายเชื้อ เชิญฉบับนั้นแล้ว ก็ตกลงใจและเดินทางมาในทันที…เมื่อเดินทางมาถึงแล้ว หนูในเมืองมองไปรอบ ๆสถานที่ซึ่งเป็นบ้านนอก..แล้วก็ส่ายหัวและบุ่ยปาก อย่างดูถูก…” อะไรจะอย่างนี้ เป็นที่ ๆสุดแสนจะกันดารอย่างที่สุด..นี่ที่นี่คงจะไม่ มีรถม้าหรอกนะแล้วถ้ารถม้าไม่มีก็คงรวมถึงร้านค้าต่างๆก็ต้องไม่มีด้วยแน่นอน… เฮ้อ…จะมีก็แต่บ้านเก่า ๆกับโรงนาและทุ่งนาอย่างเดียวใช่ไหม?..เฮ้อ..อยู่ ไปได้อย่างไร? ” หนูในเมืองบ่นอุบอิบตลอดทาง..แต่ก็ถูกหนูบ้านนอก เชื้อเชิญให้เข้าไปในโลงเก็บของเก่า ๆหลังหนึ่ง ที่ตนใช้เป็นที่อยู่อาศัย…

       “ทำไมถึงได้สกปรกอย่างนี้ก็ไม่รู้ ” หนูในเมืองยังบ่นต่อทั้งที่เข้ามาข้างในแล้วก็ตาม แต่หนูบ้านนอกก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้…จัดการเอาอาหารที่ตนคิดว่าดีที่สุดเท่าที่มีทั้งหมด ออกมาวางไว้บนโต๊ะ..มีถั่ว,ข้าวโพดและเนยก้อนเล็ก ๆ..หนูบ้านนอกเมื่อวางของ ทั้งหมดเสร็จแล้วก็กล่าวเชิญเพื่อนว่า ” ไม่มีอะไรมากมายหรอก แต่เชิญท่านกินให้ หายเหนื่อยเถอะนะ” หนูในเมืองมองอาหารบนโต๊ะแล้วพูดเสริมให้อีกว่า ” จริง ๆ ด้วย ไม่เห็นมีอะไรดี ๆเลย ” หนูในเมืองพูดจบก็หยิบข้าวโพดขึ้นมาแทะไปได้คำ หนึ่งก็คายออกมาแล้วพูดว่า ” ของอย่างนี้เรากินไม่ได้หรอก ไม่เห็นจะอร่อยเลย แกทนอยู่อย่างนี้ได้ยังไงล่ะเพื่อน น่าสงสารเป็นที่สุด..ไปหาเราที่ในเมืองสิ..เราจะ เลี้ยงนายด้วยอาหารที่สุดอร่อยที่สุด..ให้อิ่มเต็มท้องเลยทีเดียว”

       แล้วหนูในเมืองก็ลากลับไปทันที…หนูบ้านนอกให้เป็นเสียใจและผิดหวังอย่างมาก ” อ้า..น่าอายเหลือเกิน ความเป็นอยู่และอาหารของเรานี่น่ะ..สกปรกและแล้นแค้น จริงอย่างที่เพื่อนพูดหรือปล่าวนะ ” หนูบ้านนอกให้เป็นคิดหนัก เพราะตั้งแต่เกิดมา ก็ไม่เคยเห็นความเป็นอยู่ที่ในเมืองกับเขา..เลยเปรียบเทียบไม่ถูก…แล้วด้วยความสงสัยและ อยากรู้ จากนั้นมาอีก 2-3 วัน หนูบ้านนอกจึงตกลงใจ เดินทางไปหาหนูผู้เพื่อนที่ใน เมืองทันที เมื่อหนูบ้านนอกเดินทางมาถึงที่ในเมืองแล้ว…ตั้งแต่เกิดมาหนูบ้านนอกยัง ไม่เคยเห็นอะไรที่มันโกลาหลและผู้คนก็สันจรไปมากันขวักไขว่แบบนี้มาก่อน ต้องเดินวนไปเลี้ยวมาด้วยความตื่นเต้น..จนเกือบจะโดนคนที่เดินขวักไชว่บนถนน นั้นเหยียบตายอยู่รอมร่อ หนูบ้านนอกเมื่อหลุดจากเท้าคนออกมาได้ก็มาหลบยืนหอบ ..แล้วทันใดนั้น ! ก็มีเสียง..การ่า..การ่า…การ่า…อะไรกันอีกนี่หือ?…แว๊ก..เสียงรถม้า นั่นเองแหละ…” จ๊าก..จู้ ๆๆ..ช่วยด้วย” หนูบ้านนอกกระโดดลงไปในท่อน้ำข้างทาง… “โอ้ย..เกือบแย่เพราะมัวแต่ยืนงง..เกือบโดนรถม้าทับตายเลยเราเห็นไหม?..แค๊กๆๆ” หนูบ้านนอกเดินกระเซอะกระเซิงเพราะต้องพบปะแต่สิ่งน่ากลัวมากมายจนมาถึงจุด หมายปลายทางคือบ้านที่หนูในเมืองอาศัยอยู่..เอาในเวลาเกือบค่ำมืดแล้ว ” ย่า..ยินดีต้อน รับเพื่อนรักมาพอดีกับเวลาอาหารเย็นพอดีเลย..มาเหมาะกับเวลาอาหารขึ้นสำรับพอดีเลย..จู้ๆๆ ” หนูบ้านนอกก็กำลังหิวท้องร้องจอ๊ก ๆอยู่พอดีเหมือนกัน เมื่อถูกพาเข้ามาด้านใน โอ้โห..มีโคมไฟอันใหญ่ส่องแสงแวววาวอยู่บนเพดาน โอ้โห..ห้องนั้นเป็นห้องอาหาร ที่ใหญ่โตมโหฬารเหลือเกิน…หนูบ้านนอกล่ะให้เป็นตื่นเต้นไปหมด..

       แล้วหนูในเมืองก็ชวนหนูบ้านนอกให้ปีนขึ้นไปบนโต๊ะอาหารตรงกลางหอ้งนั้นทันที เมื่อหนูทั้งสอง ปีนขึ้นมาบนโต๊ะแล้ว…โฮ่ โฮ่ โฮ่ ตั้งแต่เกิดมาหนูบ้านนอกยังไม่เคยเห็น อาหารอะไรมากมายและ น่ากินแบบนี้มาก่อนเลย…” ว้าว..น่ากินทั้งนั้นเลย ” และก็ด้วยหนูบ้านนอกกำลังหิวอย่างหนัก จึง ไม่พูดพร่ำทำเพลง ตรงเข้าไปหาอาหารที่เห็นข้างหน้าทันที ! แต่ .!.ยังไม่ทันที่จะได้ลิ้มรสเลย..ก็มีเสียง หนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะ ” ว๊าย ! ไอ้หนูขี้ขโมยทั้งหลาย ! เดี๋ยวฆ่าให้ตายหมดเลย..โคร่า !..” คนทำ อาหารที่อยู่ในครัวนั่นเอง..ฉวยไม้กวาดได้ก็ไล่ตี..ควับ .!.ควับ !.ให้จ้าระหวั่นไปหมด … หนูทั้งสอง วิ่งหลบไม้กวาดมรณะและกระโดดลงมาจากโต๊ะ..พอลงมาถึงพื้นได้เท่านั้นก็พร้อมใจกันวิ่งแจ้นเข้าไป หลบในรูตรงข้างฝา ทันทีทันใด ! ด้วยความกลัวอย่างสุด ๆ….

       ” แฮ๊ก ๆ ๆ ..ตกใจหมดเลย ! แต่ไม่เป็นไร ?หรอกหนูบ้านนอกเพื่อนรัก..เดี๋ยวหายเหนื่อยแล้ว เราจะพา นายไปกินอีกแห่ง..เป็นการแก้ตัวแล้วกัน ” หนูบ้านนอกเอามือทาบอก ด้วยความเหนื่อย แล้วพูดกับ หนูในเมืองว่า ” แต่ว่าเห็นทีว่าเราจะไม่ขอเล่นด้วยแล้วหละ ! เราต้องขอขอบคุณในความหวังดีของท่าน แต่อาหารที่สุดจะน่าสยอง ! ต้องเสี่ยงและต้องแลกกับมันด้วยความเป็นความตาย..จะต้องคอยขโมยจากมนุษย์ มากินน่ะ ! เราไม่อยากกินแล้วหละ ! ต่อให้มันอร่อยแค่ไหนก็เถอะ ! เราคิดว่ากลับไปกินพืชผักที่บ้านนอก ของเราดีกว่า ถึงจะไม่อร่อยแต่ก็ไม่ต้องเอาชีวิตเข้าไปแลกเพื่อให้ได้มันมา..ที่เป็นอยู่มาเราก็อิ่มหมีพีมัน และอยู่อย่างมีความสุขดีแล้ว…” หนูบ้านนอกตอบหนูในเมืองแล้ว ก็ผลุนผันกลับที่อยู่บ้านนอกของตนไป ทันที…..

"มนุษย์เรานั้นชอบมองและชอบเปรียบเทียบ และเห็นว่าความเป็นอยู่ของผู้อื่นนั้น..ดีกว่าตนเสมอ ..ท่านบอกว่า..อย่าเอาไปเปรียบเทียบ..เพราะไม่ว่าจะเป็นความเป็นอยู่แบบไหน? ถ้ามันเหมาะและ เข้ากับตัวเราแล้ว…นั่นแหละที่สุดแห่งความสุขและดีเป็นที่สุดสำหรับเราแล้ว…ชีวิตที่เพียงพอและเรียบง่าย ย่อมเป็นสุขกว่าชีวิตที่มั่งคั่ง แต่ต้องคอยหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา…"


ที่มา : http://www.fungdham.com/fable/fable.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น