เรื่อง วัวสามสหายกับสิงโต


  วัวสามสหายกับสิงโต

       ครั้งหนึ่งยังมีวัวอยู่สามตัว เป็นเพื่อนที่ดีมีความเกี่ยวข้องที่สามัคคีต่อ กัน มันทั้งสามอาศัยอยู่ในทุ่งกว้างที่ป่าใหญ่อัฟริกา มันทั้งสามตัว จะไปไหนมาไหนไม่ว่าจะเป็นเวลากินหญ้าหรือแม้แต่ในเวลานอน ก็จะอยู่ในที่ที่ใกล้ ๆ กันอยู่ตลอดเวลา มีอยู่ในวันหนึ่ง ในขณะที่วัวทั้งสามตัวกำลังรวมกลุ่มกันยืนกินหญ้าอยู่นั้น ก็เกิดได้มีสิงห์โตหิวโซตัวหนึ่งเดินผ่านมาและได้เห็น มันหมายที่จะบุกเข้าจับกินเป็น เหยื่อ
” ว้าว! พวกมันดูน่าอร่อยมากเลยทีเดียว “
       แต่วัวทั้งสามตัวได้ร่วมพลัง กันกางเขายืนจังกล้าหันหน้าเข้าปะทะกับสิงห์โตอย่างไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเกรงแต่ อย่างใด ” ม่อๆๆ กางเขาหันหน้าสู้กับสิงห์โต ห้ามแยกจากกันเป็นอันขาด ”
       สิงห์โตจึงไม่สามารถที่จะเข้าไปในที่ที่ใกล้ ๆ และทำอะไรพวกมันได้เลยสักนิด เพราะฉะนั้นสิงห์โตจึงทำได้ก็แต่แค่เพียงเดินเมียงมองอยู่ในที่ห่าง ๆ และรอบ ๆ ได้แต่เพียงอย่างเดียว มันเฝ้ารอคอยเพื่อหาโอกาสที่จะบุกเข้าโจมตี แต่แล้วก็ต้อง เลิกลาและถอยห่างออกไปในที่สุด ” ถ้าพวกเราร่วมมือสามัคคีกันแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวอ้ายสิงห์โตตัวนั้นเลยสักนิด “ สิงห์โตรู้สึกอับอาย เป็นอย่างมาก ที่ไม่สามารถที่จะกินวัวทั้งสามตัวพวกนั้นได้
       ” มันน่าที่จะมีหนทางอะไรที่ดี ๆอยู่บ้างนะ “ สิงห์โตพยายามใช้ความคิด  “อ้อ ข้ารู้แล้ว.. ! ว่าด้วยเหตุใดข้าถึงได้บุกเข้าไปจับกินพวกมันไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น…ก็เป็นเพราะว่าพวกมันมีความสามัคคีกันนั่นเอง,,, ดังนั้นก่อนอื่นใด ข้าก็จำเป็นที่จะต้องจัดการทำให้พวกมันแตกแยกขาดความ สามัคคีต่อกัน…แล้วตอนนั้นแหละ ข้าก็จะกินพวกมันได้ทีละตัว ๆ อย่างง่าย ๆ นั่นไง ใช่แล้ว ! ” และเมื่อมันคิดได้ดังนั้นแล้ว สิงห์โตก็ได้ย้อนกลับมาปรากฏตัวในที่ ทุ่งกว้างที่พวกวัวทั้งสามอยู่อีกครั้งหนึ่ง ” ดีมาก…ดูสิ..นั่นพวกมันกำลังแยกกันออกไปยืนกินหญ้าอยู่ในที่ที่ห่าง ๆ อยู่พอดีเลยทีเดียวเชียว ”
       ตัวโตรีบเดินไปในที่ที่ใกล้ ๆ กับวัวตัวสีแดงก่อนอื่นใด แล้วกระซิบด้วย เสียงที่อ่อนหวานที่สุดว่า ” นี่นี่..นายสีแดง เราต้องขอยอมแพ้ในความเก่งกาจของ พวกท่านแล้วหละ เพราะพวกท่านนั้นทั้งเก่งทั้งแข็งแรง..เราขอนับถือ..แต่ว่านะ..เราอยาก รู้จังเลยว่าท่านทั้งสามนั้นใครคือผู้ที่เก่งและแข็งแรงที่สุดในฝูงล่ะ” วัวตัวสีแดงจึงพูดว่า ” พวกเรานั้นทั้งเก่งและแข็งแรงด้วยกันทั้งสามนั่นแหละ ” สิงห์โตทำท่าทีเป็นตกใจ ” จริงน่ะ???แต่ที่ข้าได้ยินมาจากวัวตัวอื่นนั้น..มันไม่ใช่อย่างเช่นที่ท่านพูดนี่ ! ”
      วัวตัวสีแดงรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก จึงได้ถามไปว่า ” แล้วพวกนั้นพูดว่าอย่างไร??”
สิงห์โตจึงได้ทีพูดว่า ” วัวตัวสีดำนั้นบอกว่ามันนั้นทั้งเก่งและ แข็งแรงที่สุดในฝูง แล้วยังได้บอกอีกด้วยว่าถ้าไม่มีมันแล้ว รับรองว่า วัวตัวสีแดงกับวัวตัวสีน้ำตาลจะต้องโดนสิงห์โตกินไปนานนมแล้วเสียด้วยนะ..” ” อะไรนะ? ทำไมมันถึงได้พูดในสิ่งที่ห่วยและแย่มาก ๆ อย่างเช่นนี้ได้ ยังไง!”
วัวตัวสีแดงเมื่อได้ฟังดังนั้นก็ให้เป็นโกรธเป็นอย่างมาก…
       และในที่สุด,สิงห์โตก็ได้ไปพูดบอกหลอกลวงแบบเช่นนี้กับวัวตัวสีน้ำตาล แล้วก็แน่นอนเหมือนกันกับวัวตัวสีดำอีกด้วย…
” นี่ นี่ วัวตัวสีน้ำตาลท่านได้ ฟังแล้วหรือยัง? ว่าวัวตัวสีดำพูดว่า มันนั้นต้องมีหน้าที่ดูแลป้องกันภัย ให้กับวัวทั้งสอง เพราะว่าวัวทั้งสองตัวนั้นทั้งอ่อนแอและทำอะไรที่เป็น ประโยชน์ไม่ได้เสียเลย.. ”
” ม่อๆๆๆโอ้ยนี่ข้าโกรธแล้วด้วยนะ! ” สิงห์โต พูดหลอกลวงแบบนี้กับวัวทั้งสามตัวตามแผนการณ์ได้อย่างแนบเนียนมากเสียด้วยสิ
       แล้วหลังจากนั้นในที่สุด..ที่ทุ่งกว้างของป่าใหญ่ก็เป็นอันได้เกิดการต่อสู้กันขึ้นมา เสียแล้ว…เริ่มต้นจากวัวตัวสีดำก่อนเลย มันตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า
” มาเลย เราจะต้องมาสู้แข่งขันกัน เพื่อให้รู้ให้แน่ชัดเสียเดี๋ยวนี้ ว่าใครคือผู้ที่เก่งและแข็งแรงที่สุดในฝูง ” วัวตัวสีแดงก็เหมือนกันก็พูดขึ้นด้วยความโมโหว่า “ตัวที่เก่งและแข็งแรงที่สุดก็คือข้า!” มันทั้งสามตัวจึงเริ่มต่อสู้กัน..โดยใช้เขาอันแหลมคมของพวกมันนั้นเอง..เสียบแทง ซึ่งกันและกันอย่างไม่ยอมลดละให้กันและกันเลยสักน้อยนิดเสียด้วย…
       ” ม่อๆๆม่อๆๆ..ม่องเท่งสิ” สัตว์ทั้งสามตัวจึงมีอันต้องนองและเต็มไปด้วยเลือด มันทั้งสามตัวได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างมากและอ่อนแรงลงอย่างไม่ได้สติ จากการต่อสู้
“ม่อๆๆ..ข้าไม่ปรารถนาที่จะอยู่กับพวกเจ้าอีกต่อไป ” ทั้ง ๆ ที่เคยมีความสามัคคีและเป็นมิตรที่ดีต่อกัน แต่แล้ววัวทั้ง สามตัวก็จำต้องมาแตกแยกขาดความสามัคคีเป็นมิตรที่ดีต่อกันและกันไปในที่สุด และในตอนนั้นสิงห์โตก็ยิ้มด้วยความพอใจ เพราะได้โอกาสเข้าไปจับกิน พวกวัวที่อ่อนแรงใกล้ตายได้ทีละตัว ทีละตัว สมใจสบายโก๋ไป ตั้งสามวันเต็ม ๆเลยทีเดียว…

"จงให้ความสำคัญและให้ความเชื่อใจ กับคนหรือ เพื่อนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน"

ที่มา : http://www.fungdham.com/fable/fable.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น